รู้จักต้อกระจกตา..ภัยร้ายที่มองไม่เห็น
ต้อกระจก (Cataract) เป็นโรคที่มีความขุ่นลงของเลนส์ตา ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากกว่า 65 ปี เนื่องจากเป็นความเสื่อมไปตามวัยของเลนส์ตาเมื่อมีอายุมากขึ้น แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น อุบัติเหตุ หรือเป็นมาแต่กำเนิดก็ได้
อาการเริ่มแรกคือจะมองเห็นค่อยๆ มัวลงช้าๆ คล้ายมีหมอกมาบัง โดยไม่มีความเจ็บปวด อาจเริ่มมีการรบกวนต่อชีวิตประจำวัน เช่น ต้องอาศัยแสงสว่างมากในการจะมองให้ชัด หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงของสายตาโดยมีสายตาสั้นมากขึ้น การขับรถในตอนกลางคืนจะลำบากมากขึ้น ถ้าทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการผ่าตัดรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดข้อแทรกซ้อนได้ เช่น ต้อหิน หรือม่านตาอักเสบ ทำให้มีอาการปวดตาและตาอักเสบ การมองเห็นปกติการมองเห็นเมื่อมีต้อกระจก
การรักษาต้อกระจกนั้นทำได้โดยวิธีผ่าตัดโดยเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และใส่เลนส์เทียมเข้าไปทดแทน วิธีการผ่าตัดมีหลายแบบขึ้นกับความรุนแรงของโรค ปัจจุบันวิธีการผ่าตัดพัฒนาก้าวหน้ามาก ใช้เวลาไม่นานราว 30 นาที โดยฉีดยาชาเฉพาะที่หรือใช้เพียงยาชาชนิดหยอด ทำเสร็จกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน วิธีที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ การผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่น ultrasound และดูดเอาเลนส์ออกผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 3 มม.และใส่เลนส์เทียมชนิดพับได้เข้าไปแทนเลนส์เดิม แผลมีขนาดเล็ก มักไม่จำเป็นต้องเย็บแผล และอาการเคืองตามีเพียงเล็กน้อย
การสลายต้อกระจกด้วยคลื่น ultrasound ผ่านแผลขนาดเล็ก
เมื่อสลายต้อกระจกแล้วจึงใส่เลนส์เทียมเข้าแทนที่
เลนส์เทียมที่ใช้ในการผ่าตัดมีหลายชนิด ทั้งชนิดมาตรฐานซึ่งเป็นเลนส์พับอย่างดี (Monofocal) ให้การมองไกลได้ชัดเจนแต่มักต้องใส่แว่นเพื่อมองใกล้ชัด หรือเลนส์ชนิดชัดหลายระยะ (Multifocal) ซึ่งมองเห็นได้ทั้งไกลและใกล้ได้ โดยลดการพึ่งพาแว่นสายตายาวได้มากกว่า การดูแลหลังผ่าตัดคือ รับประทานยาและหยอดยาตาแพทย์สั่ง ห้ามตาโดนน้ำหลังผ่าประมาณ 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ไอ เบ่ง และมาตรวจตาตามที่แพทย์นัด
สอบถามเพิ่มเติม: Laser Vision International LASIK Center
www.laservisionthai.com
โดย: ทีมข่าวไลฟ์สไตล์
29 ธันวาคม 2554, 14:00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น