วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ตี๋น้อยอวยพร รวย สุข แข็งแรง ตลอดปี

เพิ่งจะกล่าวคำว่า "สวัสดีปีใหม่" แบบชาวไทยกันไปไม่นาน นี่ก็กำลังจะย่างเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นวันฉลองปีใหม่ของคนเชื้อสายจีนทั่วโลกกันอีกแล้ว เด็ก ๆ หลายคนคงรอคอยวันนี้ เพราะเป็นวันที่ญาติผู้ใหญ่จะให้ "อั่งเปา" หรือที่บางบ้านเรียกว่า "แต๊ะเอีย" อิอิ แต่ไหน ๆ จะให้ญาติผู้ใหญ่ประทับใจแล้ว ลองจดจำคำอวยพรภาษาจีน พร้อมความหมายดี ๆ ไปพูดให้ผู้ใหญ่ชื่นใจกันหน่อยดีไหมจ๊ะ 新正如意 新年发财 (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ)... คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนาในปีใหม่นี้ มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปี (ถ้าเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้) 新年快樂 (ซินเหนียนไคว้เล่อ) ... ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ 恭贺新年 (กงเฮ่อซินเหนียน) ... สุขสันต์วันปีใหม่ 恭贺新禧 (กงเฮ่อซินสี่) ... สุขสันต์วันปีใหม่ ขอให้แฟนๆ healthstation ไม่ว่าจะจีนหรือไทย 龙马精神 (หลงหม่าจินเสิน) ... สุขภาพแข็งแรง 万事如意 (ว่านซื่อหรูอี้) … ทุกเรื่องสมปรารถนา 祝你顺利 (จู้หนี่ซุ่นลี่) ... ขอให้ประสบความสำเร็จ ครับผม.. ลองรับชมตี๋น้อย นาจา ขับร้องเพลงโบราณของจีน อวพพรวันปีใหม่ให้ทุกคน อาตี๋นี่ครบเครื่องมากครับ
Length: ‎3:40
新正如意 新年发财 (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ)... 
คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนาในปีใหม่นี้ มีแต่ความสุขมั่งคั่ง 
โชคดีร่ำรวยตลอดปี 
(ถ้าเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้)

新年快樂 (ซินเหนียนไคว้เล่อ) ... ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่

恭贺新年 (กงเฮ่อซินเหนียน) ... สุขสันต์วันปีใหม่

恭贺新禧 (กงเฮ่อซินสี่) ... สุขสันต์วันปีใหม่

ขอให้แฟนๆ healthstation ไม่ว่าจะจีนหรือไทย 龙马精神 
(หลงหม่าจินเสิน) ... สุขภาพแข็งแรง 万事如意 (ว่านซื่อหรูอี้) … 
ทุกเรื่องสมปรารถนา 祝你顺利 (จู้หนี่ซุ่นลี่) ... ขอให้ประสบความสำเร็จ ครับผม.. 
ลองรับชมตี๋น้อย นาจา ขับร้องเพลงโบราณของจีน อวพพรวันปีใหม่ให้ทุกคน 
อาตี๋นี่ครบเครื่องมากครับ — with นงนุช อินทรวิเศษ.

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2555 เวลา 09.00 -17.00 น. ณ ห้องเป็นสุข ชั้น 35 สสส. อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ

 

ขอเชิญเข้าร่วมอบรมหกำหนดการฝึกอบรม

หลักสูตร "การสร้างเสริมสมรรถนะการบริหารแผนงาน/โครงการ ด้านการดำเนินงาน การเงิน

การบัญชี และ การพัสดุ"

ณ ห้องเป็นสุข ชั้น 35 สสส. อาคารเอส เอ็ม ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ

 

 

08.30 – 09.00               ลงทะเบียน

09.00 – 09.15               เปิดการฝึกอบรมและชี้แจงวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม

09.15 – 11.00               เรื่องหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินและการจัดทำบัญชี

11.00 – 11.45               การจัดซื้อ/จ้าง และควบคุมวัสดุครุภัณฑ์

11.4512.00               การตรวจสอบแผนงาน/โครงการ

 

12.00 – 13.00               พักทานอาหารกลางวัน

 

13.00 – 13.30               การจัดทำรายงานผลการดำเนินงานส่ง สสส.

13.30 – 14.00               การดำเนินงานของแผนงาน/โครงการ

14.00 – 17.00               การฝึกปฏิบัติจัดทำบัญชีด้วยโปรแกรม MS Excel

                                    

 

 

-------------------------------------------------------------------

 

 ลักสูตร "การสร้างเสริมสมรรถนะการบริหารแผนงาน/โครงการ ด้านการดำเนินงาน การเงิน การบัญชี และพัสดุ"

โดย webmaster | วันที่ 6 มกราคม 2555

 

ศูนย์ฝึกอบรมและให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการแผนงาน/โครงการกับผู้รับทุน
 
          สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยสำนักพัฒนายุทธศาสตร์ แผน และ สมรรถนะได้จัดทำโครงการฝึกอบรมหลักสูตร "การสร้างเสริมสมรรถนะการบริหารแผนงาน/โครงการ ด้านการดำเนินงาน การเงิน การบัญชี และพัสดุเพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ดีที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในระเบียบวิธีปฏิบัติแก่ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของแผนงาน/โครงการ รวมถึงโครงการย่อยภายใต้แผนงาน/โครงการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสมรรถนะในการบริหารโครงการ และการจัดการด้านการเงิน การบัญชี การพัสดุ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ในการนี้ จึงขอเรียนเชิญท่านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

          - กำหนดวันจัดอบรม ดังนี้ (โปรดเลือกวันที่สะดวกเข้ารับการอบรมเพียง 1 วัน)
                    วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2555 เวลา 09.00 -17.00 น.
 
          - การเตรียมตัวของผู้รับการอบรม
                    เตรียมNotebookมาด้วย 1 เครื่อง/1 แผนงาน
                (สสส. มีสำรองไว้ให้เพียง 2-3 เครื่อง)

          - เงื่อนไขและค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมการอบรม
             
ในการอบรมไม่เสียค่าสมัคร ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง/พักแรม ให้ผู้เข้ารับการอบรมเบิกจากโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส.ในหมวดงบบริหารจัดการหรือหมวดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  แต่ละรอบจำกัดผู้เข้าร่วมประมาณ 25 ท่าน ถ้ารอบไหนผู้เข้าร่วมไม่ถึง 15 ท่าน จะเลื่อนไปจัดรอบถัดไป
          ***หลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแบบตอบรับ/ใบสมัครแล้วจะโทรกลับไปยืนยันการจัดอบรมอีกครั้ง

สนใจเข้ารับการอบรมโปรดส่งใบสมัครเพื่อสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อน 1 อาทิตย์  ได้ที่
นางสาวสุวิมล ประเสริฐพลกรัง  โทร 0-2298-0500 ต่อ 1823 โทรสาร 0-2298-0501
E-mail: Suwimol_p@thaihealth.or.th
 
ทาง สสส.ได้จัดบริการให้คำปรึกษาด้านการดำเนินงาน การเงิน การบัญชี และพัสดุ
ทางโทรศัพท์ 0-2615-7042-3 E-mail : Clinic@mindmerge.co.th
ในเวลา 09.00 –17.00 น. ทุกวันทำการ
 
 
 
 
 
ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
รายการเอกสารแนบ
เอกสารแนบ ขนาด
กำหนดการฝึกอบรม 28 KB
แบบตอบรับเข้าร่วมอบรม 40 KB

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

ข่าวดี ! ผลวิจัย พบผักพื้นบ้านไทย คุณค่าเพียบ มีสารหลายชนิดป้องกันโรคมะเร็ง ชะลอแก่

  

ข่าวดี ! ผลวิจัย พบผักพื้นบ้านไทย คุณค่าเพียบ มีสารหลายชนิดป้องกันโรคมะเร็ง ชะลอแก่

วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 12:20:37 น.

Share




นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านหลายชนิด ที่สามารถใช้เป็นยาและเป็นอาหารได้ เช่นสะเดา ผักแพว กระเพรา ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อาหารไทยยกกำลัง 2 ซึ่งมีลักษณะพิเศษต่างจากอาหารชาติอื่น จึงมีนโยบายให้สำนักโภชนาการ กรมอนามัย ทำการศึกษาวิจัยหาคุณค่าของผักพื้นบ้านที่คนไทยทั้ง4 ภาค นิยมกินกันอยู่ทั่วไปทั้งดอก ใบ ยอดอ่อน ฝัก ผล หัวและราก   เพื่อเผยแพร่สรรพคุณและส่งเสริมให้มีการนำมาเป็นอาหารบำรุงสุขภาพในปี2555 เพิ่มภูมิต้านทานโรค และจะให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเผยแพร่ส่งเสริมประชาชนใช้บริโภคและให้โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขนำมาปรุงเป็นอาหารของผู้ป่วย เป็นตัวอย่างประชาชน เมื่อออกจากโรงพยาบาลสามารถนำไปทำกินเองที่บ้านได้   


       

 

นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีผักพื้นบ้านมากกว่า 300 ชนิด ส่วนใหญ่จะขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นริมห้วย หนองคลองบึง และป่าเขา ในการศึกษาผักพื้นบ้านในปี 2554 นี้   กรมอนามัยได้เก็บตัวอย่างผักพื้นบ้าน รวม 45 ชนิด  จาก 4 ภาค ประกอบด้วยภาคกลาง 12 ชนิด ภาคเหนือ6 ชนิด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5ชนิด และภาคใต้ 22 ชนิด  โดยศึกษาปริมาณสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย 9 ชนิด ได้แก่ 

1.พลังงาน  

2.โปรตีน 

3.ไขมัน 

4.คาร์โบไฮเดรต 

5.เบต้าแคโรทีน  

6.วิตามินซี  

7.ใยอาหาร 

8.ธาตุเหล็ก และ 

9.แคลเซียม


ผลการศึกษาเมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักทุก 100 กรัมเท่ากัน พบว่าผักพื้นบ้านของไทยทุกชนิดให้พลังงาน โปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก  จึงกล่าวได้ว่าผักเหล่านี้กินแล้วไม่ทำให้อ้วน ผักที่มีแคลเซียมสูงที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 

1.หมาน้อยมี 423 มิลลิกรัม 

2.ผักแพวมี390 มิลลิกรัม 

3.ยอดสะเดามี 384 มิลลิกรัม 

4.กระเพราขาวมี 221 มิลลิกรัม 

5.ใบขี้เหล็กมี 156 มิลลิกรัม 

6.ใบเหลียงมี 151 มิลลิกรัม 

7. ยอดมะยมมี 147 มิลลิกรัม   

8.ผักแส้วมี 142 มิลลิกรัม 

9.ดอกผักฮ้วนมี 113 มิลลิกรัม และ 

10.ผักแมะมี 112 มิลลิกรัม 

โดยแคลเซียม มีบทบาทหลักคือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยในการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยในการแข็งตัวของเลือด และควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนบางชนิด


ผักที่มีธาตุเหล็กสูงสุด  5 อันดับแรก ได้แก่ 

1.ใบกระเพราแดงมี 15 มิลลิกรัม 

2. ผักเม็กมี 12 มิลลิกรัม 

3.ใบขี้เหล็กมี  6 มิลลิกรัม 

4.ใบสะเดามี 5 มิลลิกรัม และ 

5.ผักแพวมี 3 มิลลิกรัม 

ส่วนธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เพื่อนำอ็อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆในร่างกาย และมีบทบาทในด้านพัฒนาการและการเรียนรู้ สมรรถภาพในการทำงาน สร้างภูมิต้านทานโรค และเกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีต้องรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีควบคู่ด้วย  


ผักที่มีใยอาหารสูง 10 อันดับ ได้แก่ 

  1.ยอดมันปู มี16.7 กรัม 

  2.ยอดหมุย มี 14.2 กรัม 

  3. ยอดสะเดา มี 12.2 กรัม 

  4.เนียงรอก มี 11.2 กรัม 

  5..ดอกขี้เหล็ก 9.8 กรัม 

  6.ผักแพว 9.7กรัม 

  7.ยอดมะยม 9.4 กรัม 

  8.ใบเหลียง 8.8 กรัม 

  9.หมากหมก 7.7 กรัม และ 

10.ผักเม่า มี 7.1 กรัม 

ซึ่งใยอาหารในผัก ทำให้ร่างกายขับถ่ายอุจจาระได้เร็วขึ้น ท้องไม่ผูก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ส่งผลให้ลดระดับการใช้อินซูลิน นอกจากนี้ใยอาหารบางชนิด ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด


ผักที่มีเบต้าแคโรทีน สูง 10 อันดับ  ได้แก่ 

  1.ยอดลำปะสีมี 15,157 ไมโครกรัม 

  2.ผักแมะมี 9,102 ไมโครกรัม 

  3.ยอดกะทกรกมี 8,498 ไมโครกรัม 

  4.ใบกระเพราแดงมี7,875 ไมโครกรัม 

  5.ยี่หร่ามี 7,408 ไมโครกรัม 

  6.หมาน้อยมี 6,577 ไมโครกรัม 

  7.ผักเจียงดามี 5,905 ไมโครกรัม 

  8.ยอดมันปูมี 5,646 ไมโครกรัม 

  9.ยอดหมุยมี 5,390 ไมโครกรัม และ 

10.ผักหวานมี 4,823 ไมโครกรัม  

ส่วนผักที่มีวิตามินซีสูง 10 อันดับ ได้แก่ 

  1. ดอกขี้เหล็กมี 484มิลลิกรัม 

  2.ดอกผักฮ้วนมี 472 มิลลิกรัม 

  3.ยอดผักฮ้วนมี 351 มิลลิกรัม

  4.ฝักมะรุมมี 262 มิลลิกรัม 

  5.ยอดสะเดามี 194 มิลลิกรัม 

  6.ผักเจียงดามี 153 มิลลิกรัม

  7.ดอกสะเดามี 123 มิลลิกรัม 

  8.ผักแพวมี 115 มิลลิกรัม 

  9.ผักหวานมี 107 มิลลิกรัม และ 

10.ยอดกะทกรกมี 86 มิลลิกรัม 

โดยทั้งเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี เป็นสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ทำให้ร่างกายแก่ชราช้าลงด้วย


นายแพทย์สมยศกล่าวอีกว่า การนำผักพื้นบ้านประจำถิ่นมาปรุงประกอบอาหาร นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคโดยไม่ต้องพึ่งยาและสารเคมี ในแต่ละภาคของประเทศไทยมีผักพื้นบ้านสามารถเลือกรับประทานได้ตลอดปี และประชาชนควรเพิ่มการกินผักพื้นบ้านให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแล้ว   ยังเป็นการอนุรักษ์ผักพื้นบ้านให้ลูกหลานรู้จักและบริโภคต่อได้

วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

Fwd: Happy New Year 2012



จาก: Microsoft Thailand <Microsoft@e-mail.microsoft.com>
วันที่: 2 มกราคม 2555, 8:53
หัวเรื่อง: Happy New Year 2012
ถึง: 

 
Microsoft เคารพในสิทธิส่วนบุคคลของคุณ โปรดตรวจสอบ คำชี้แจ้งสิทธิ์ส่วนบุคคล ออนไลน์ของเรา.

หากคุณไม่ต้องการได้รับข้อความอีเมลโปรโมชั่นจาก Microsoft Corporation โปรดคลิก ที่นี่.

การตั้งค่าเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อจดหมายข่าวที่คุณได้ร้องขอ หรือการสื่อสารเกี่ยวกับบริการที่จำเป็นที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของบริการของ Microsoft แต่อย่างใด ในการตั้งค่าการกำหนดลักษณะที่ติดต่อของคุณสำหรับการสื่อสารอื่นๆ ของ Microsoft ให้คลิก ที่นี่.

Microsoft Thailand Limited
37th-38th FL, CRC Tower, All Seasons Place
Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330 Thailand



 

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

ต้อ 4 จำพวก






 ต้อ 4 จำพวก

ข้อมูลสื่อ
File Name : 184-003
นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 184
เดือน-ปี : 08/2537
คอลัมน์ : พูดจาภาษาหมอ
นักเขียนหมอชาวบ้าน : ภาษิต ประชาเวช
Mon, 01/08/2537 - 00:00 — somsak
ต้อ 4 จำพวก


"คุณหมอครับ โรคต้อมีทั้งหมดกี่ชนิดด้วยกันครับ"
คุณลุงเอ่ยขึ้น "ที่สงสัยก็เพราะว่าเมื่อเดือนก่อนลุงมีอาการตามัว
ไปให้หมอตรวจ หมอบอกว่าเป็นโรคต้อกระจก
แต่คุณป้าข้างบ้านผมเมื่อสัปดาห์ก่อนไปหาหมอด้วยอาการตามัวแบบผม
หมอบอกว่าเป็นโรคต้อหิน โรคต้อทั้ง 2
ชนิดนี้เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรครับ"

"แหม คุณลุงเล่นถามทีเดียวหลายข้อแบบนี้ ก็ขอตอบคำถามง่ายๆข้อหลังก่อนว่า
ต้อกระจกกับต้อหินเป็นโรคคนละชนิดกันเลยครับ" คุณหมออธิบาย

ต้อกระจก หมายถึง
โรคตามัวอันเกิดจากแก้วตาหรือเลนส์ตาขุ่น แก้วตาอยู่ภายในลูกตา
ตรงกับบริเวณตาดำ มีหน้าที่ช่วยการหักเหของแสง
ทำให้มองเห็นภาพต่างๆแบบเดียวกับเลนส์กล้องถ่ายรูป
ในคนปกติแก้วตานี้จะใสเหมือนกระจกใส
แต่เมื่อแก่ตัวเข้ามันจะขุ่นเพราะเสื่อมตามสังขาร
ในที่สุดจะขุ่นขาวเหมือนกระจกฝ้า ทำให้ตามัวตาบอดได้

"หมายความว่า คนเราเมื่อแก่ตัวเข้าจะเป็นต้อกระจกกันทุกคนไปใช่มั้ยครับ"
คุณลุงถามแทรก
"ก็เป็นกันแทบทุกคนแหละครับ คือเป็นความเสื่อมของร่างกายตามธรรมชาติ
แบบเดียวกับอาการหูตึงข้อเสื่อมนั่นแหละ
ต่างกันเพียงว่าเป็นมากหรือน้อยเท่านั้นถ้าเป็นมาก จนตามองไม่เห็น
แก้ไขโดยการผ่าตัดใส่แก้วตาเทียม
สายตาก็กลับดีเหมือนคนหนุ่มสาวได้อย่างน่าอัศจรรย์"



"อย่างงั้นที่ลุงเป็นนี่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรล่ะสิครับ"
คุณลุงรู้สึกโล่งใจ "แล้วต้อหินล่ะเป็นอย่างไรครับ"

"ต้อหิน ก็เป็นโรคตามัวอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความดันภายในลูกตาสูง
เป็นผลให้ประสาทตาเสีย"
คุณหมออธิบายต่อ



"คุณหมอครับ ภายในลูกตามีความดันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ"

"ทุกๆวันภายในลูกตาจะมีการสร้างของเหลวขึ้นหล่อเลี้ยงลูกตาให้ทรงตัวและทำหน้าที่อยู่ได้
ซึ่งจะมีช่องทางระบายถ่ายเทออกภายนอกลูกตาได้ แต่บางคนอาจเกิดความผิดปกติ
เมื่อถึงวัยกลางคนหรือแก่ตัวเข้าช่องทางระบายดังกล่าวเกิดการอุดตัน
ทำให้ของเหลวที่สร้างขึ้นนั้นระบายไม่ออก ก็คั่งอยู่ภายในลูกตา
ทำให้เกิดแรงดันสูงขึ้นแบบเดียวกับการอัดน้ำเข้าลูกโป่ง
แรงดันนี้ก็จะไปทำลายประสาทที่อยู่ภายในลูกตา ทำให้ตาบอดอย่างถาวรได้
ที่เรียกว่าต้อหินก็สันนิษฐานว่าเป็นเพราะลูกตามีความดันสูงขึ้น
มีลักษณะแข็งขึ้นกว่าปกติ"

"ฟังดูแล้วต้อหินนี่เป็นโรคตาชนิดร้ายถึงกับทำให้ตาบอดได้
ทางการแพทย์มีทางช่วยแก้ไขอะไรได้หรือไม่" คุณลุงถามต่อ

"หมอต้องย้ำก่อนว่า ต้อหินจะเกิดกับคนเพียงบางคนเท่านั้น
เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ถ้าใครสงสัยว่ามีพันธุ์ของโรคนี้อยู่
ก็ต้องคอยหมั่นตรวจเช็กตาเป็นประจำ
ถ้าเป็นระยะเริ่มแรกก็สามารถรักษาให้หายได้ครับ"

"ลุงพอเข้าใจถึงข้อแตกต่างระหว่างต้อกระจกกับต้อหินแล้ว
ทีนี้คุณหมอลองอธิบายว่าโรคต้อมีกี่ชนิด"

"คำว่าต้อนี่ เป็นศัพท์ของแพทย์แผนโบราณเขาหมายถึงโรคที่เกิดที่ลูกตา
ทำให้ตาพิการมองอะไรไม่ชัดเจน หรืออาจทำให้ตาบอดได้" คุณหมอสาธยาย
"ดังนั้นโรคต้อจึงมีอยู่หลายชนิด
ในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณมีชื่อเรียกต้ออยู่นับหลายสิบชื่อ
ซึ่งบางอย่างก็เทียบเคียงกับแผนปัจจุบันได้ บางอย่างก็เทียบเคียงไม่ได้"

"ส่วนที่เทียบเคียงกับแผนปัจจุบันได้มีอะไรบ้างครับ"
"เท่าที่หมอทบทวนดูก็มีอยู่ 4จำพวก ได้แก่
1. ต้อกระจก ตรงกับคำว่า cataract
2. ต้อหิน ตรงกับคำว่า glaucoma
3. ต้อเนื้อ, ต้อลิ้นหมา ตรงกับคำว่า pterygium
4. ต้อลำไย ตรงกับคำว่า leukoma หรือ corneal ulcer"

"ลุงเองพอทราบว่า ต้อเนื้อหรือต้อลิ้นหมา นี่เกิดจากถูกลม ถูกแดด ถูกแสง
หรือความร้อนทำให้เยื่อบุตาขาวเสื่อมและหนาตัว เป็นแผ่นเยื่อสีเหลืองๆ
ตรงบริเวณหัวตา เมื่อลอกออกก็หายได้ ไม่ใช่โรคร้ายแรง
ที่ทราบนี่ก็เพราะเคยเป็นมาก่อน ส่วนต้อลำไยนี้ฟังดูน่าอร่อย
ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรครับ"




"ต้อลำไย หมายถึง โรคกระจกตาขุ่น
กระจกตาก็คือส่วนใสๆ ที่อยู่ด้านหน้าสุดของลูกตา ตรงกับตาดำ
โรคนี้เกิดจากการมีแผลอักเสบของกระจกตา แล้วกลายเป็นแผลเป็น
ลักษณะขุ่นขาวเหมือนเนื้อลำไย ทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด ถ้าขุ่นขาวมากๆ
จนตาแทบบอด ก็เรียกว่า ตาถั่วนั่นแหละครับ"



"โรคนี้มีทางเยียวยารักษาอย่างไรหรือไม่ครับ"

"โรคนี้มีทางเยียวยารักษาอย่างไรหรือไม่ครับ"

"การรักษาก็โดยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา เอากระจกตาของคนปกติมาใส่แทน
ก็ทำให้เห็นได้ชัดเหมือนเดิม ที่คนใจบุญเขาบริจาคดวงตาไว้
ก็เอาส่วนของกระจกตามาใช้ประโยชน์อย่างนี้แหละ"

"คุณหมอหมายความว่า การเปลี่ยนดวงตาก็คือเปลี่ยนเฉพาะกระจกตา
มิใช่เปลี่ยนทั้งลูกตาดังที่เข้าใจผิดกันใช่มั้ยครับ"

คุณหมอพยักหน้า

 http://www.doctor.or.th/node/3625




หมอชาวบ้านฉบับวันที่ 28/12/2011





จาก: หมอชาวบ้าน <webmaster@doctor.or.th>
วันที่: 28 ธันวาคม 2554, 19:49
หัวเรื่อง: หมอชาวบ้านฉบับวันที่ 28/12/2011
ถึง: 

หมอชาวบ้าน | e-newsletters ฉบับเดือนมกราคม 2555

facebook หมอชาวบ้าน  twitter หมอชาวบ้าน  myspace หมอชาวบ้าน  youtube หมอชาวบ้าน....จดหมายข่าว หมอชาวบ้าน ฉบับนี้พบกับ
     
ภาพมาจาก:http://women.sanook.com

ผิวสวยและสายลมหนาว

ฤดูหนาวเช่นนี้ แถมยังมีเทศกาลวันหยุดรวมทั้งช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผู้คนจึงนิยมท่องเที่ยวรับสายลมหนาวกัน ทำให้พบโรคผิวแห้งบ่อยขึ้น...อ่านต่อ

 

ภาพมาจาก:http://www.suriyothai.ac.th

ต้อ 4 จำพวก

ต้อกระจกหมายถึงโรคตามัวอันเกิดจากแก้วตาหรือเลนส์ตาขุ่น แก้วตาอยู่ภายในลูกตา ตรงกับบริเวณตาดำ มีหน้าที่ช่วยการหักเหของแสงทำให้มองเห็น...อ่านต่อ
ภาพมาจาก:http://www.doctor.or.th

9 ข้อสงสัยในยุทธจักรการออกกำลังกาย

ในบรรดาคำแนะนำเรื่องสุขภาพ การออกกำลังกายดูเหมือนจะมีการแนะนำที่ผิดๆกันมากที่สุด ดังตัวอย่างต่อไปนี้...อ่านต่อ
ภาพมาจาก:http://www.doctor.or.th

จัดยาไปเที่ยว

เมื่อต้องเดินทางไกลนอกจากการเตรียมทั้งของเครื่องใช้ส่วนตัวแล้วยังมีสัมภาระอีกชุดที่จำเป็นจะต้องพกพาไปด้วยนั้นก็คือ ชุดยาสำหรับเดินทาง...อ่านต่อ
 
 
 
ภาพมาจาก:http://variety.teenee.com


เรื่องของคนขี้ลืม

อาการหลงลืมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของคนเรา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาถ้าหากว่านานๆจะเป็นสักครั้งหนึ่ง แต่ถ้าลืมบ่อยๆเป็นประจำสม่ำเสมอ โปรดทราบไว้ด้วยว่า....อ่านต่อ

ภาพมาจาก:http://www.asamedia.org


วิธีรักษาไข้หวัดแบบประหยัด

ลูกเป็นไข้หวัดบ่อย ต้องพาไปหาหมอเป็นประจำ ต่อมาได้เรียนรู้วิธีรักษาโรคไข้หวัดด้วยตนเอง ช่วยทุ่นเงินไปได้หลายสตางค์...อ่านต่อ

 

ภาพมาจาก:http://www.wacoal.co.th


อาหารบำรุงพลังเพศ

กล่าวกันว่าสิ่งที่มนุษย์แทบจะทุกคนที่เกิดมาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ต้องการก็คือ การมีชีวิตที่ยืนยาวการคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวและการมีพลังทางเพศที่เหลือเฟือที่จะประกอบกิจกรรม...อ่านต่อ

ภาพมาจาก:http://publishing.doctor.or.th


เคล็ดลับเลี้ยงลูก 4 ดี

4 เคล็ดลับดีๆ เพื่อการเลี้ยงลูก ซึ่งเปิดเผยถึงก้นบึ้งของหัวใจเด็กและพ่อแม่ เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนควรเรียนรู้เพื่อการเลี้ยงลูกให้ได้ดีและเป็นเด็กดี...อ่านต่อ


๓๖/๖ ถนนประดิพัทธ์   ซอย ๑๐  แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐
โทรศัพท์ ๐-๒๖๑๘-๔๗๑๐, ๐-๒๒๗๘-๑๖๑๖   โทรสาร ๐-๒๒๗๑-๑๘๐๖
www.doctor.or.th  E-mail : webmaster@doctor.or.th
ต้องการยกเลิกรับจดหมายข่าวหมอชาวบ้านคลิกด้านล่าง

 

Unsubscribe from this newsletter