วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประกาศแล้ว พี่น้อง !!! รายชื่อ 99 สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ

 

ประกาศแล้ว พี่น้อง !!! รายชื่อ 99 สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ

วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 22:35:03 น.

Share4

เมื่อไม่นานมานี้  ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ  เรื่อง รายชื่อสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕ (๑) (๒) และ (๓)


ประกาศระบุว่า อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ ๗๒๑/๒๕๕๓ ลงวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ จึงประกาศรายชื่อสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕ (๑) (๒) และ (๓) ซึ่งมีจำนวน

 

รวมทั้งสิ้น ๙๙ คน ดังต่อไปนี้

  ๑. นายกอบสิน พ่อค้า สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
  ๒. นายคงฤทธิ์ บัวบุญ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
  ๓. นายเจริญ จันทอิสสระ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
  ๔. นายเจริญศักดิ์ โรจนฤทธิ์พิเชษฐ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
  ๕. นายชนาประทิน อุ่นถา สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
  ๖. นายชยันต์ สังขไพฑูรย์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
  ๗. นายชลิต ทองมณี สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
  ๘. นายชะลิต ระวังภัย สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
  ๙. นายชัยยันต์ อยู่ศิริ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๐. นายชารินทร์ สิงห์ดี สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๑. นายณัฐชัย พวงสมบัติ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๒. นายณัฐวุฒิ ประทีปะวณิช สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๑๓. นายเดชา บันลือเดช สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๑๔. นายตันติพงศ์ นิกรเทศ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๕. นายเติมศักดิ์ บุญชื่น สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๖. นายทรงพล พูลสวัสดิ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๗. พันจ่าเอก เทียนชัย หัตถินาท สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๘. นายธวัชชัย ถนอมลิขิต สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๑๙. นายธาดา เอี่ยมอ่ำ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๐. นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๑. นายธีระ วงษ์เจริญ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๒. นายนิพนธ์ ดิษฐจร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๓. นายนิวัฒน์ พ้นชั่ว สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๔. นายบัญชา อรุณเขต สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๕. นายบุญธรรม จันทาพูน สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๖. นายบุญนำ นิกรเทศ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๒๗. นายบุญศรี สุขวาปี สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๒๘. นายบุญส่ง นับทอง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๒๙. นายประจักร์ บุญกาพิมพ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๐. นายประทีป กลีบแก้ว สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๑. นายประทีป เทพนม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๒. นายประเทือง ศรีใจ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๓. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๔. นายประสาร เพชรมอญ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๓๕. นายประหยัด ลอแม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๖. นายปรีชา นุยืนรัมย์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๗. นายปิยวิทย์ โกฏิเพชร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๘. นายพงศกร พุฒตรง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๓๙. นายพรชัย พัฒนศักดิ์ภิญโญ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๐. นายพรม บุญมาช่วย สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๑. นายพล ดำธรรม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๒. นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๓. นายพิชัย ไชยสาคร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๔. นายพิษณุ หวังมุขกลาง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๔๕. นายไพชยนต์ กังวลกิจ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๖. นายภักดีสยาม พรหมอินทร์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๔๗. นายมงคล สุขเจริญคณา สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๔๘. นายมงคลัตถ์ พุกะนัดด์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๔๙. นางมลชญา วารีรัตน์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๕๐. นายมะหะมัดซันโรนิง อามะ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๑. นายยูโซ๊ะ อาเก๊ะ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๒. นางเยาวมาลย์ ค้าเจริญ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๕๓. นางรัศภัธ ยิ่งสุขสันติสุข สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๕๔. นายเรืองเดช สุขสมบูรณ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๕. นายวรายุทธ์ ธนโชคสว่าง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๖. นายวรินทร์พงศ์ ศรีสันต์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๗. นายวัชระ จำปาเทศ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๕๘. นายวาสนา ปัญญาวิภาส สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๕๙. นายวิชัย จันทร์หอม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๐. นายวิชาญ โคตรจันทร์อุด สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๑. นายวิชิต พันธ์เพียร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๒. นายวิเชียร คำมา สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๓. นายวินชัย เสมาทอง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๔. นายวิลาศ สุริวงษ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๕. นายวิไล สายสอน สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๖. นายศิริชัย ออสุวรรณ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๓)
๖๗. นายสถาพร ศรีวันชื่น สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๘. นายสมคิด สังขมณี สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๖๙. นายสมชาย สกุลชิต สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๐. นายสมบัติ อำนาคะ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๑. นายสมบูรณ์ ใจเศษ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๒. นายสมศักดิ์ คุณเงิน สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๓. นายสมศักดิ์ ฤกษ์อนันต์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๔. นายสมหมาย คำมาสาร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๕. นายสมัย สายบัว สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๗๖. นายสวัสดิ์ สายสุขกาจินะกุล สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๗๗. นายสว่าง ชื่นอารมณ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๘. นายสังคม อุปคุณ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๗๙. นายสันติ เกาะกาวี สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๘๐. นายสำออย วงศ์เณร สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๑. นายสิทธิพร จริยพงศ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๒. นายสุเทพ วุฒิธา สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๓. นายสุพล หมอนทอง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๔. นายสุรศักดิ์ วานิชกิจ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๘๕. นายเสนาะ ทับเล สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๖. นายแสณ เกิดฤทธิ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๗. นางสาวโสภาพรรณ กาสมสัน สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๘. นายหมุน แซ่จึง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๘๙. นายอติวรรธน์ หอมนาน สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๐. นายอนันต์ สงค์ประชา สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๙๑. นายอภิมาตร เหร็บควนเคี่ยม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๒. นายอภิศักดิ์ อังคสิทธิ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๓. นายอวิรุทธิ์ พรหมรัตน์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๔. นายอัฆฒ์ เจ้าเจ็ด สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๕. นางสาวอัญชลี บารมีรุ่งเรือง สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๙๖. นายอำนวย ปะติเส สมาชิกตามมาตรา ๕ (๒)
๙๗. ร้อยเอก อุบล พุทธรักษ์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๘. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
๙๙. นายโอภาส ชาญยงค์ สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)

 

ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ฉลอง เทพวิทักษ์กิจ
หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332602732&grpid&catid=01&subcatid=0000

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

รางจืด

 

 รางจืด

 

พร้อมจิต ศรลัมพ์

 

ช่วงนี้มีข่าวคราวถึงสมุนไพรที่ชื่อ "รางจืดกันมาก ภาครัฐมีความพยายามที่จะนำศักยภาพของภูมิปัญญาไทยมาปัดฝุ่น และใช้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาช่วยในการขับเคลื่อนสมุนไพรชนิดนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและมนุษยชาติ วันนี้สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะรายงานให้ท่านได้เห็นภาพของสมุนไพร "รางจืด"ชัดเจนขึ้น

รางจืดมีประวัติในการใช้ล้างพิษในร่างกาย แก้อาการแพ้ผื่นคัน และโรคผิวหนัง เช่น เริม ว่ากันว่าชาวบ้านจะกินน้ำคั้นใบหรือรากรางจืดก่อนที่จะไป"แข่งพนันดื่มเหล้าทนไม่เมา" และได้ผลดี เวลารับประทานของแสลง แล้วปวดท้อง ท้องเสีย ที่เรียกว่าผิดสำแดง ก็จะใช้ใบรางจืดเช่นกัน ทั้งยามเผอิญหรือตั้งใจกินสารพิษ ก็ใช้รางจืดแก้พิษได้ มีการวิจัยในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจน

พ.ศ. 2521 นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นกลุ่มแรกที่ทดลองป้อนผงรากรางจืดให้หนูทดลองก่อนน้ำยาสตริกนินพบว่าไม่ได้ผล หนูชักและตาย แต่ถ้าผสมกับน้ำยาสตริกนินก่อนป้อน พบว่าหนูทดลองไม่เป็นอะไร แสดงว่าผงรากรางจืดสามารถดูดซับสารพิษชนิดนี้ไว้

พ.ศ. 2523 อาจารย์พาณี เตชะเสนและคณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้น้ำคั้นใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่กินยาฆ่าแมลง"โฟลิดอล" พบว่าแก้พิษได้ ลดอัตราการตายลงจาก 56เหลือเพียง 5เท่านั้น ในขณะที่วิธีการฉีดกลับไม่ได้ผล

พ.ศ. 2551 สุชาสินี คงกระพันธ์ ใช้สารสกัดแห้งใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่ได้รับยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟตชื่อมาราไธออนพบว่าช่วยชีวิตได้ 30%

พ.ศ. 2553 จิตบรรจง ตั้งปอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พบว่าสารประกอบในใบรางจืดช่วยป้องกันการตายของเซลล์ประสาทของหนูทดลองที่ได้รับพิษจากสารตะกั่ว จึงสามารถป้องกันสูญเสียการเรียนรู้และความจำได้อย่างมีนัยสำคัญ 

มีการวิจัยเรื่องใบรางจืดสามารถปกป้องตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่กำจัดสารพิษในร่างกาย เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยรักษาชีวิตของผู้ที่ได้รับสารพิษ พ.ศ. 2543 รายงานวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าสารสกัดแห้งของน้ำใบรางจืดน่าจะมีผลลดความเป็นพิษของตับจากแอลกอฮอล์ได้ พ.ศ. 2548 พรเพ็ญ เปรมโยธิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานผลว่าสารสกัดน้ำรางจืดแสดงฤทธิ์ดังกล่าว ทั้งในหลอดทดลองและในหนูทดลอง

นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดน้ำใบรางจืดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย

ถ้าจะใช้สมุนไพร ควรพิจารณาความเป็นพิษด้วย สำหรับใบรางจืดมีการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันที่ป้อนหนูทดลองครั้งเดียว ทั้งขนาดปกติและขนาดสูง ไม่พบความผิดปกติใด ๆ และป้อนติดต่อกัน 28 วัน ขนาด 500 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ไม่พบอาการผิดปกติเช่นกัน แต่อาจทำให้น้ำหนัก ตับ ไต สูงกว่ากลุ่มควบคุม  ค่าชีวเคมีที่เกี่ยวกับไตสูงขึ้น และ AST สูงขึ้น จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง และไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

สำหรับการทดลองในคน ยังมีไม่มากนัก นพ. ปัญญา อิทธิธรรม  ทดลองเก็บข้อมูลการใช้สมุนไพรรางจืดในเกษตรกรซึ่งที่สัมผัสสารฆ่าแมลง ทั้งกลุ่มไม่ปลอดภัย กลุ่มเสี่ยง กลุ่มปลอดภัย โดยตรวจจากระดับเอนไซม์ในร่างกายที่เพิ่มขึ้นเมื่อได้รับสารพิษนี้   พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่กินและไม่ได้กินสารสกัดน้ำรางจืด แต่ยังสรุปไม่ได้ชัดเจนเพราะมีปัจจัยต่างของพื้นฐานร่างกายอื่น ๆ ของอาสาสมัคร เช่น ความแข็งแรง อายุเป็นต้น

เดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีข่าวเรื่องน้ำคั้นใบรางจืดช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมากจากพิษแมงดาทะเล ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แสดงว่ารางจืดน่าจะมีสรรพคุณในการกำจัดพิษในร่างกายตามที่ตำรายาไทยระบุไว้

อย่างไรก็ตาม การทดลองหากลไกที่สารประกอบในใบรางจืดกำจัดพิษและทดลองในคน รวมทั้งการทดสอบพิษระยะยาวที่ให้หนูทดลองกินติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน มีความสำคัญต่อการนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังและถูกต้อง ทั้งต้องให้ชัดเจนว่าสามารถแก้พิษอะไรได้บ้าง ในขนาดเท่าไร  และคุณภาพของใบรางจืดควรเป็นแบบใด เพราะในพื้นที่ปลูกและกระบวนการปลูกอาจก่อให้เกิดโลหะหนักในวัตถุดิบที่เกินมาตรฐาน เช่น แคดเมียมเป็นต้น การที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจและจะจัดสรรงบประมาณพุ่งเป้าให้วิจัยสมุนไพรรางจืดเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะไม่มีเงินทำวิจัย นักวิทยาศาสตร์มีแต่สมองก็ทำอะไรไม่ได้

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ฟ้าทะลายโจร...สมุนไพรพิชิตไข้หวัด

 

ฟ้าทะลายโจร...สมุนไพรพิชิตไข้หวัด

	ท่ามกลางกระแสของไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้กระทรวงสาธารณสุขและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยว ข้องกับสุขภาพทั้งในบ้านเราและในต่างประเทศต้องตื่นตัวกับกระแสดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งนอกจากการรักษาในแผนปัจจุบัน แล้ว สมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความสนใจ และสมุนไพรที่โดดเด่นอยู่ในขณะนี้คือ "ฟ้าทะลายโจร" 	ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรไทยที่มีการใช้กันมานาน มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ท้องร่วง เป็นยาธาตุ บำรุงกำลัง และถูก บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2549 โดยมีข้อบ่งชี้ว่าสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ และอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บ คอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล ซึ่งโรงพยาบาลสามารถสั่งจ่ายทดแทนหรือเสริมการรักษาร่วมกับยาแผน ปัจจุบันได้  	สำหรับงานวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิผลในการรักษาหรือป้องกันอาการหวัด พบว่า การรับประทานยาเม็ด ฟ้าทะลายโจร ขนาด 200 มก./วัน ติดต่อกัน 3 เดือน สามารถป้องกันการเกิดหวัดได้ถึง 33% โดยพบอัตราการเป็นหวัด เหลือเพียง 20% เมื่อรับประทานในขนาด 3-6 ก./วัน นาน 7 วัน ทำให้อาการไข้และเจ็บคอลดลง ไม่ต่างจากการใช้ยาพารา เซตามอล มีการศึกษาการใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรร่วมกับสารสกัดโสมไซบีเรีย (Acanthopanax senticosus) ในขนาด 1200 มก./วัน ซึ่งมีสาร andrographolide (สารสำคัญในฟ้าทะลายโจร)  48-60 มก./วัน พบว่าสามารถรักษาอาการที่เกิดจากหวัด เช่น เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ คอแห้ง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลดอาการเหนื่อย นอนไม่หลับ ความรู้สึกไม่สบายตัว ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น และฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียอย่างอ่อน  จึงทำให้ฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ป้องกันและรักษาไข้หวัดทั่วไปที่ไม่อาการรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 	ขนาดที่แนะนำให้รับประทานตามที่ระบุในบัญชียาหลักแห่งชาติ คือ รับประทานวันละ 3-6 ก. แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลัง อาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ และรับประทานวันละ 1.5-3 ก. แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการหวัด 	อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาฟ้าทะลายโจรคือ ทำให้ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ และใจสั่น ข้อควรระวังในการใช้โดยการฉีดหรือใช้ขนาดสูงคือ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน ลมพิษ จนถึง อาการแพ้ขั้นรุนแรงและช็อค สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจให้เกิดการแท้ง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (ไม่ควรเกิน 7 วัน) เพราะอาจทำให้แขนขาชาหรืออ่อนแรงได้ หากใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงระหว่างการ ใช้ยา ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์                          

สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร 02-354-4327
http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/andrographis.asp

ขมิ้นชันกับอัลไซเมอร์


ขมิ้นชันกับอัลไซเมอร์

อัลไซเมอร์เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติในเนื้อสมอง โดยจะพบลักษณะที่สำคัญสองอย่างคือกลุ่มใยประสาทที่พันกัน (Neurofibrillary tangles) และมีการสะสมของสาร beta amyloid ในสมอง ใยประสาทที่พันกันจะทำลายระบบการขนส่งสารในเซลล์ประสาท ทำให้เกิดความผิดปกติในการสื่อสารทางชีวเคมีระหว่างเซลล์ประสาทมีผลให้เซลล์ตายในเวลาต่อมา   และการที่สมองมีการสะสมของสาร beta amyloid ในปริมาณมากจนมีลักษณะเหมือนคราบในสมอง เรียกว่า แอมีลอยด์ พลาก (amyloid plaques) มีผลให้ลดการสังเคราะห์สารสื่อประสาทชนิด acetylcholine ในสมองลดลง  ซึ่งสารacetylcholine จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการเรียนรู้และความจำ   มีรายงานการวิจัยว่าขมิ้นชันมีสาร curcuminoids ซึ่งประกอบไปด้วยสาร curcumin 75-80%, demethoxycurcumin 15-20% และ bisdemethoxycurcumin 3-5%  จากการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อป้อนสาร curcuminoids ให้หนูแรทเพศผู้ ขนาด 10มก./กก. หลังจากนั้นฉีดสาร scopolamine เข้าทางช่องท้อง 2 มก./กก. เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดความจำเสื่อม พบว่าสาร curcuminoids สามารถฟื้นฟูความทรงจำในส่วนที่ถูกทำลายด้วย scopolamine ได้ และมีการทดสอบว่าขนาดของสาร curcuminoids, bisdemethoxycurcumin, demethoxycurcumin, และ curcumin ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ acetylcholinesterase ได้ครึ่งหนึ่ง (IC50) มีค่าเท่ากับ 19.67, 16.84, 33.14 และ 67.69 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ    ซึ่งการศึกษาโดยส่วนใหญ่กล่าวว่าสาร curcuminoids ในขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการต้านการสร้างสาร beta amyloid ในสมอง และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ acetyl-cholinesterase (เอนไซม์ทำลายสาร acetylcholine ) ซึ่งจะมีผลให้สาร acetylcholine ในสมองไม่ถูกทำลาย จึงคาดว่าสามารถป้องกันอาการความจำเสื่อมในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรตำรับยาจีนที่มีส่วนผสมของสาร curcumin จากเหง้าขมิ้นชัน 30-95%  ใบแป๊ะก๊วยที่มีสาร flavones 2-24%และโสมอเมริกันที่มีสาร saponin 2-80% และตำรับยาจีนที่มีส่วนผสมของใบแป๊ะก๊วย 1-10 ส่วน  เหง้าขมิ้นชัน 1-10 ส่วน และเหง้าของต้น Polygala tenuifolia1-10 ส่วน โดยน้ำหนัก สามารถป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางคลินิกของขมิ้นชันกับโรคอัลไซเมอร์  อย่างไรก็ตามหากต้องการใช้ขมิ้นชัน ขนาดที่ปลอดภัยตามบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2549 แนะนำให้ใช้ในการรักษาอาการจุกเสียด คือ ครั้งละ 2-4 แคปซูล (500-1,000 มก.) วันละ 4ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน  ห้ามใช้ในผู้ที่มีท่อน้ำดีอุดตัน ผู้ป่วยโรคนิ่ว หญิงมีครรภ์ และหากมีอาการแพ้ เช่น ผื่นขึ้นที่ผิวหนังทำให้ผิวหนังอักเสบต้องหยุดใช้ทันที

 http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/TurmericAndAlzheimer.asp

 

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลิงค์สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้นำเสนอ ในการสัมนาเชิงวิชาการเรื่อง "การประเมินทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของการใช้ชีวมวลเป็นพลังงานโดยคำนึงถึง Energy Benefit ratio และการปล่อย CO2 ตลอดวัฏจักร" ในวันที่ 9 มีนาคม 2555



จาก: Waraporn Jangrattasasapintu <pokky.waraporn@gmail.com>
วันที่: 21 มีนาคม 2555, 21:58
หัวเรื่อง: ลิงค์สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้นำเสนอ ในการสัมนาเชิงวิชาการเรื่อง "การประเมินทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของการใช้ชีวมวลเป็นพลังงานโดยคำนึงถึง Energy Benefit ratio และการปล่อย CO2 ตลอดวัฏจักร" ในวันที่ 9 มีนาคม 2555
ถึง:

เรียนผู้เข้าร่วมการสัมนาทุกท่านคะ

ดิฉันได้ส่งลิงค์สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้นำเสนอ ในการสัมนาเชิงวิชาการเรื่อง "การประเมินทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของการใช้ชีวมวลเป็นพลังงานโดยคำนึงถึง Energy Benefit ratio และการปล่อย CO2 ตลอดวัฏจักร" ในวันที่ 9 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา

ท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากลิงค์นี้ได้เลยคะ

http://www.jgsee.kmutt.ac.th/jgsee1/NewsEvents/2012/mar2012/gemis.php


ขออภัยในความล่าช้าด้วยนะคะ


วราภรณ์




วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศ จึงมีสะพานข้ามแม่น้ำจำนวนมาก และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้เป็นสะพานที่มีชื่อเรียก เช่น (เรียงจากต้นน้ำ)

 

สะพาน

แม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระราม 8 กรุงเทพมหานคร

แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศ จึงมีสะพานข้ามแม่น้ำจำนวนมาก และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้เป็นสะพานที่มีชื่อเรียก เช่น (เรียงจากต้นน้ำ)

[แก้]อ้างอิง

  1. ^ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน
  2. ^ การบันทึกน่าจะคลาดเคลื่อน เพราะในปีนั้น สมเด็จพระไชยราชาธิราย ยังไม่ขึ้นครองราชย์

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

กองทุนพัฒนาสตรีควรเป็นกองทุนพัฒนาศักยภาพของสตรีดังนี้

  กองทุนพัฒนาสตรีควรเป็นกองทุนพัฒนาศักยภาพของสตรีดังนี้
๑. เสริมสร้างศักยภาพสตรี เสริมสร้างเจตคติเรื่องความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย
๒. ส่งเสริมให้สตรีเข้าถึงโอกาส ทรัพยากร ทุกระดับ(โดยเฉพาะสตรีในชนบท)
๓. พัฒนาสตรีให้มีโอกาสในการตัดสินใจทางการเมืองทุกระดับ(เพิ่มโอกาส)
๔. ส่งเสริมให้สตรี การบริหารจัดการ ทักษะกิจกรรมพัฒนาและการทำงานเป็นเครือข่าย
๕. หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการพัฒนาสตรีควรสรุปบทเรียนที่ผ่านมาปรับเปลี่ยนการพัฒนาสตรีใหม่
๖. งบประมาณควรส่งเสริม องค์กรภาคเอกชนที่ทำงานด้านสตรี

Moui

ขอส่งไฟล์มาให้ศึกษาด้วยตนเองค่ะ

คู่มือการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

ระเบียบสำนักรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

นักงาน: อาคารโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครกฎหมายเพื่อผู้หญิงชนบท ศูนย์สตรีศึกษา
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
โทรศัพท์์ : 0-5394-3592-3 แฟกซ์ : 0-5389-2464
 

http://www.wrest-thaiwomennetworks.org/forum_entry/91 

'ขอทานใจพระ'ยังเนื้อหอม คนแห่ดูตัว-ร่วมทำบุญ

 

'ขอทานใจพระ'ยังเนื้อหอม คนแห่ดูตัว-ร่วมทำบุญ

"ลุงเอี่ยม" ขอทานใจบุญยังเป็นที่สนใจของสาธุชนที่ไปทำบุญวัดไร่ขิง อ.สามพราน บริจาคเงินให้เพื่อร่วมทำบุญ ขณะที่ รอง ผบช.ภ.7 พาครอบครัวแวะเยี่ยม เพราะเป็นห่วงกลัวถูกมิจฉาชีพทำร้ายเอาเงิน แต่เบาใจเพราะทางธนาคารจะส่ง จนท.มารับเงินเข้าบัญชีทุกเย็น...

จากกรณีนายเอี่ยม คัมภิรานนท์ อายุ 62 ปี ชาว ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ผู้พิการป่วยเป็นโปลิโอ แขนขาลีบ ลิ้นไก่สั้น พูดไม่ชัด ย้ายถิ่นฐานมาประกอบอาชีพขอทานอยู่ที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม มากว่า 30 ปี นำเงินที่ได้รับจากผู้มีจิตศรัทธาเก็บหอมรอมริบ นำบริจาคให้กับพระในโบสถ์วัดไร่ขิง มาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้นำเงินที่เก็บออมได้สาธุชนที่มากราบไหว้พระในโบสถ์ จำนวน 999,999.99 บาท พร้อมกับจ้างวงดนตรี ตั๊กแตน ชลดา มาแสดงฉลองในงานบริจาคด้วย สร้างความฮือฮา จนเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์และทีวี ต่างมารายงานข่าวกันอย่างคึกโครม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิงพระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งวันเดียวกันนี้ทางวัดได้จัดงานประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชาและเหรียญคณาจารย์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ที่จัดขึ้นวันที่ 17-18 มี.ค. ทำให้มีประชาชนเดินทางมาวัดไร่ขิงกันอย่างแน่นขนัด ส่วนที่บริเวณที่นายเอี่ยม คัมภิรานนท์ ขอทานใจบุญนั่งอยู่นั้น มีผู้คนห้อมล้อมเป็นพิเศษ เพื่อต้องการมาเห็นตัวจริงและให้กำลังใจ พร้อมกับร่วมมอบเงินทำบุญให้ ซึ่งในวันนี้นายเอี่ยม มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายผู้คนและไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ต่างมาขอถ่ายภาพ และบริจาคเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อจนล้น นายเอี่ยมต้องนำถุงพลาสติกสีฟ้าใส่เงินที่ชาวบ้านให้ ซึ่งมีทั้งธนบัตรฉบับละ  20 บาท ไปจนถึงธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทก็มี

พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 ซึ่งเดินทางกลับจากงานแต่งบุตรสาวของเพื่อน พร้อมด้วย ภรรยาและบุตรสาวที่เป็นแพทย์ ร.พ.นครชัยศรี ได้แวะเข้ามาที่วัดไร่ขิงเพื่อดูตัวนายเอี่ยม ซึ่งได้พูดคุยกับนายเอี่ยม ผ่านล่าม นายเอี่ยมแสดงอาการดีใจ เมื่อพล.ต.ต.โสภณ ถามว่าสบายดีไหม พร้อมกับบอกผ่านล่ามด้วยความเป็นห่วงว่า หลังจากที่นายเอี่ยมเป็นข่าวการบริจาคมากมายให้วัด กลัวว่านายเอี่ยมจะไม่ปลอดภัย เพราะเวลาเย็นเมื่อเลิกจากการนั่งบอกบุญแล้วนำเงินใส่ถุงมากๆกลัวว่าคนไม่หวังดีจะเข้าทำร้ายแย่งเงิน ซึ่งนายเอี่ยมได้พูดผ่านล่ามว่าไม่กลัวเพราะอายุมากแล้ว ขณะนี้พอตกเย็นก่อนกลับบ้านก็จะมีเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคารมานับเงินตรวจสอบเอาเข้าบัญชีให้ เพราะทางธนาคารก็เป็นห่วงเช่นเดียวกัน 

จากนั้นนายเอี่ยม เมื่อเห็นหมวกแก๊ป ซึ่งมีสัญญาลักษณ์หน้าหมวกตำรวจภาค 7 และปัก ปปส.ภ.7 ที่ พล.ต.ต.โสภณ สวมใส่อยู่ ได้กระซิบผ่านล่ามว่าอยากได้หมวกแก๊ปของตำรวจมาใส่ เพราะบางทีออกไปซื้อของอากาศร้อนมาก พล.ต.ต.โสภณ จึงตอบกลับไปว่าหมวก ตร.ภ.7 นั้นมีคุณค่าผู้ที่ได้รับไปนั้นจะต้องทำประโยชน์ให้กับ ตำรวจ เช่น แจ้งเบาะแส หรือช่วยในการประสานงานในด้านต่างๆให้ ตร.หรือเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ ตร.ถึงจะได้รับหมวกนี้ 

นายเอี่ยมได้แสดงอาการดีใจ พร้อมกับให้จัดทำโปสเตอร์เพื่อมาติดที่ด้านหลังที่นายเอี่ยมนั่งบอกบุญอยู่ ซึ่ง พล.ต.ต.โสภณ จึงได้สั่งทำโปสเตอร์ เขียนข้อความว่า "ช่วยกันทำดีเพื่อชาติ อย่าให้ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติด" นำมาติดตั้งไว้พร้อมกับมอบหมวกแก๊ปของ ตร.ภ.7 ให้ไว้ นายเอี่ยมเมื่อได้รับหมวกแก๊ป รีบนำขึ้นมาสวมใส่ศรีษะทันที พร้อมกับแสดงอาการดีใจทำท่าตะเบ๊ะให้คนที่มุงดูชม เรียกเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม

พล.ต.ต.โสภณ เผยว่าในการมาเยี่ยมเยียนนายเอี่ยมครั้งนี้ เพื่อต้องการมาดูว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร และมีความห่วงใย หลังจากที่มีข่าวว่านายเอี่ยมบริจาคเงินให้กับวัด 1 ล้านบาท กลัวมิจฉาชีพจะมาดักทำร้ายปล้นจี้เอาเงิน ประกอบกับตัวลุงเอี่ยมนั้นพิการ ไม่ค่อยมีคนดูแลคนร้ายอาจจะฉกฉวยโอกาสได้ แต่ก็มาทราบว่าลุงเอี่ยมไม่ได้พกเงินทีละมากๆ และปัจจุบันธนาคารจะมารับเงินฝากจากลุงเอี่ยมถึงที่วัดเลยในตอนเย็น ก็เบาใจไปส่วนหนึ่ง ส่วนหมวกแก๊ป ตร.ภ.7 ที่มอบให้นั้น นายเอี่ยมถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ ถึงแม้ตัวจะพิการ แต่ก็สามารถช่วยเหลืองานของ ตร.ได้ 

"ขณะนี้ต้องยอมรับว่าลุงเอี่ยมแกดังกว่าดาราอีก ผมมานั่งสนทนาเพียงแค่ 20 นาที มีคนมาทำบุญกับลุงเอี่ยมแน่นขนัดขนาดนี้ จึงให้จัดทำป้ายขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้คนไทยทำความดีเพื่อชาติ ช่วยกันตักเตือนบุตรหลานอย่าให้เข้าไปเป็นทาสของยาเสพติด แค่เขียนข้อความก็มีคนมาอ่านนับหมื่นคนแล้ว จึงถือว่าเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ได้" รอง ผบช.ภ.7 กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ขณะเดียวกันที่วัดไร่ขิงได้จัดงานประกวดพระเครื่องพระบูชา ซึ่งเป็นวันแรกนั้น นายอ้วน นครปฐม เซียนพระชื่อดังและเป็นคณะกรรมการจัดงาน ได้เผยว่างานครั้งนี้ที่มีผู้คนมากราบไหว้พระกันถือว่ามากผิดปกติ สาเหตุส่วนใหญ่ที่มานั้นมาดูพระ  อีกส่วนหนึ่งต้องการมาดูตัวนายเอี่ยม ขอทานใจบุญ จึงทำให้งานเป็นไปอย่างคึกคักตามไปด้วย ต้องขอขอบคุณลุงเอี่ยมด้วยที่เป็นหนึ่งในการสร้างสีสันให้กับวงการพระเครื่อง

นายอำนวย โสภิณ อายุ 55 ปี บ้านอยู่ จ.ฉะเชิงเทรา เผยว่าต้องการมาทำบุญที่วัด และต้องการมาดูนายเอี่ยม เพราะอ่านจากข่าวแล้วชื่นชอบมากถึงแม้แกจะเป็นขอทาน แต่ก็ยังมีจิตใจดีงามบริจาคเงินให้วัดถึง 1 ล้าน เมื่อมาเห็นแล้วได้พูดคุยเห็นสภาพแล้วสงสาร พร้อมให้กำลังใจและควักเงินมอบให้ 100 บาท เป็นการร่วมทำบุญ เพราะนายเอี่ยมประกาศไว้ว่าในปีหน้าจะบริจาคเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้าน 

เช่นเดียวกับ นายดุษดี ตามกำลัง อายุ 36 ปี บ้านอยู่ จ.นครสวรรค์ เผยว่าชื่นชอบนายเอี่ยมถึงแม้พิการยังต่อสู้ชีวิต ถึงแม้เงินที่ได้จากการขอและทำบุญ แทนที่ลุงจะได้ใช้เงินที่ได้มาอย่างสบาย กลับอดออมใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่วนที่เหลือเก็บไว้นำมาบริจาควัดเพื่อทดแทนบุญคุณให้ที่ซุกหัวนอน นับเป็นคนตัวอย่างน่านับถือ 

ทางด้านนายพรเทพ ปัถทวี ไวยาวัจกรณ์ วัดไร่ขิง กล่าวว่า ทางวัดจะไม่ย้ายนายเอี่ยมให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะถือว่าเป็นบุคคลตัวอย่างทำความดี ส่วนในเรื่องความปลอดภัยนั้นขณะนี้ได้สั่งให้ อปพร.ที่มาประจำอยู่วัดให้คอยดูแลอย่างดี.

 

โดย: ทีมข่าวภูมิภาค

17 มีนาคม 2555, 23:45 น.

'ประวิทย์' ฮึดสู้! ยันเป้าหมายโทรคมนาคม คือประโยชน์ประชาชน

 

'ประวิทย์' ฮึดสู้! ยันเป้าหมายโทรคมนาคม คือประโยชน์ประชาชน

ตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ มอบดอกไม้ให้กำลังใจ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กก.กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค หลังโดนคุกคาม เจ้าตัวยันไม่ได้มุ่งเอาชนะใคร ย้ำเป้าหมายคือทำให้ระบบโทรคมนาคมเกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด... 

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศประมาณ 30 คน เดินทางเข้าพบพร้อมมอบดอกไม้แก่ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ที่สำนักงาน กสทช. เพื่อให้กำลังใจ และสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อผู้บริโภคต่อไป หลังทราบข่าวว่าถูกคุกคามข่มขู่หลายรูปแบบ

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนเครือข่าย กล่าวว่า คนที่อยู่ในที่มืดและทำเรื่องข่มขู่เป็นการกระทำที่รุนแรงไปและไม่ถูกต้อง แต่เชื่อว่า นพ.ประวิทย์ ไม่ท้อถอย ยิ่งถูกขู่จะยิ่งสู้ไม่ถอย แต่การเน้นทำงานเพื่อผู้บริโภคทำให้คุณหมอต้องทำงานหนัก เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล และในฐานะ กสทช. ก็ยังมีงานที่สำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภคอีกมาก เช่น การประมูลใบอนุญาต 3จี ที่ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ราคาประมูลเริ่มต้นจะต้องไม่ต่ำเกินไป เพราะประเทศชาติจะเสียประโยชน์ การไม่กำหนดระยะเวลาโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่สั้นเกินไป (Prepaid Validity) การเปลี่ยนค่ายใช้เบอร์เดิม (Number Portability) ที่ต้องปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมลง และการบังคับให้สามารถใช้บริการดังกล่าวได้ทั่วประเทศ เป็นต้น

ด้านนายกำชัย น้อยบรรจง ตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภคภาคตะวันออก กล่าวว่า ขอประณามคนที่คิดลอบทำร้าย ยืนยันเครือข่ายผู้บริโภคพร้อมสู้อยู่เคียงข้าง เนื่องจากเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด

ขณะที่ นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภค ที่ทำให้ขณะนี้มีกำลังใจเปี่ยมล้น เนื่องจากที่ผ่านมากำลังใจยังไม่ได้พร่องลงแต่อย่างใด ยืนยันพร้อมที่จะทำงานเพื่อผู้บริโภคต่อไป ทั้งนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเอาชนะใคร แต่มีเป้าหมายที่จะเห็นระบบโทรคมนาคมที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน มีการกำกับดูแลที่เป็นธรรม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมระบุว่าจะเดินหน้าทำงานใน 2 มิติ ด้านหนึ่งคือการสร้างธรรมาภิบาลในสำนักงาน  กสทช. ด้วยการสนับสนุนคนดีให้ทำงาน โดยจะไม่สาละวนกับการจัดการคนไม่ดี เนื่องจากเสียเวลา เพราะงานอีกด้านที่สำคัญกว่า คือการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและมีความเป็นธรรม

"ตอนนี้หลายเรื่องที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคก็มีมติ กสทช. รับรองออกมาแล้ว เช่น ประกาศเรื่องอัตราขั้นสูง 99 สตางค์ ที่จะทำให้ค่าบริการถูกลง ซึ่งค้างมาตั้งแต่ปลายปี 2553 และมีกระบวนการดึงเรื่อง เราก็เร่ง และยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ผมพร้อมสนับสนุนให้ภาคประชาชนสะท้อนปัญหาและให้คำแนะนำต่างๆ ต่อ กสทช. ไม่ต้องเกรงใจและคิดว่าผมกลายเป็นตัวประกัน  เพราะเสียงของผู้บริโภคเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้ระบบโทรคมนาคมของประเทศไทยดีขึ้น" นพ.ประวิทย์ กล่าว.

 

โดย: ทีมข่าวไอทีออนไลน์

16 มีนาคม 2555, 19:00 น.

สถาบันพระปกเกล้าแถลงผลวิจัย / กรณีที่ ครม.มีมติย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา

  สถาบันพระปกเกล้าแถลงผลวิจัย

ทางด้านการหาแนวทางสร้างความปรองดอง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถาบันพระปกเกล้า นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า แถลงข่าวผลการวิจัยเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติว่า วันนี้เป็นวันที่ครบ 120 วันที่สถาบันพระปกเกล้าต้องนำเสนอรายงานผลศึกษาการวิจัยเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้รูปเล่มยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังต้องปรับปรุงถ้อยคำ ดังนั้นอาจจะล่าช้า ส่งได้ภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยมีทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่รัฐบาลต้องดำเนินการ ในเรื่องของการค้นหาความจริง การนิรโทษกรรมกระบวน การยุติธรรมให้เป็นไปตามนิติรัฐ และต้องสร้างบรรยากาศความปรองดองในอนาคต กระบวนการที่จะทำให้เกิดความสำเร็จโดยเร็ว จากการศึกษาแนวทางปรองดองจากต่างประเทศ ซึ่งรวบรวมได้ทั้ง 7 ข้อคือ 
1.รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่าต้องการสร้างความปรองดอง ซึ่งจะทำให้เห็นถึงตามเจตนารมณ์ 
2.ต้องสร้างให้สังคมตระหนักว่าเวลานี้เราต้องการสร้างความปรองดอง 
3.รัฐบาลมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อบุคคลที่สูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเยียวยาต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรมทั้งสังคมและความรู้สึก ไม่ใช่ในเรื่องของตัวเงินอย่างเดียว

อย่าใช้เสียงข้างมากเป็นคำตอบ

นายวุฒิสารกล่าวว่า 
4.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางสังคมที่อยู่ภายนอกจำเป็นต้องยุติความเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่มีหลักของนิติรัฐ เช่นการชุมนุมขับเคลื่อนด้วยวิธีการกดดันโดยใช้เสียงข้างมากที่ผิดกฎหมาย 
5.ทุกฝ่ายควรหยุดการกระทำที่หมิ่นเหม่ของสังคม เช่น ในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่เปราะบาง 6.สื่อควรจะทำหน้าที่และบทบาทที่เป็นกลาง ไม่ควรที่จะเป็นตัวเร่งให้สังคมเกิดความขัดแย้ง เพราะขณะนี้มีสื่อจัดตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ทำให้สังคมมองว่าสื่อเลือกข้างไปแล้ว 
7.สังคมต้องเลิกเอาผิดรัฐประหารที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการรื้อฟื้นทำให้เกิดความขัดแย้ง

ยันไม่ถูกการเมืองแทรกแซง

นายวุฒิสารกล่าวว่า สำหรับการสร้างความปรองดองที่จะเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องทำอย่างต่อเนื่องตั้งใจ ให้เกิดการยอมรับทุกฝ่ายในสังคม กระบวนการต้องเริ่มต้นหารือกันในชั้นกรรมาธิการฯ โดยเราจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้เสียงข้างมากเป็นคำตอบ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าทีมวิจัยไม่ได้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง หรือตกเป็นเครื่องมือของใคร อย่างไรก็ตามข้อเสนอของทีมวิจัยไม่ใช่ยาสูตรสำเร็จ แต่เป็นข้อเสนอที่มีเหตุและผล งานวิจัยทุกชิ้นไม่มีใครที่เห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ หรือถูกใจทุกฝ่าย ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการฯจะไปดำเนินการอย่างไรต่อไป

"ประวัฒน์" ออกหน้าชนแทนพี่สาว ซัด "สันติ" ยัดไส้ชงเรื่องย้ายเข้า ครม. จวกยับปลิ้นปล้อนไม่ใช่ลูกผู้ชาย เตรียมขยับตั้งกลุ่มรักเพื่อนรวบรวม ส.ส.เดินเกมเขี่ยพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี ขณะที่ "สันติ" ไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ มั่นใจเสนอย้าย "พนิตา" ทำถูกต้องตามขั้นตอน ยันไม่เคยได้รับหนังสือชี้แจงการใช้งบฯผิดประเภท รักษาการผู้ว่าการ สตง.ชี้ รมว.การพัฒนาสังคมฯ สั่งสอบวินัยถูกคนแล้ว รมว.กลาโหม เผยส่งโผย้ายทหารกลางปีให้นายกฯแล้ว มีการปรับย้ายประมาณ 120 ตำแหน่ง เผย "ประยุทธ์" ดันเพื่อนร่วมรุ่น 5 คนขึ้นกินอัตราพลเอก "จีระศักดิ์" ขยับขึ้น มทภ.2 "ชาญชัยณรงค์" เป็น มทภ.3 "น้องสุกำพล" ได้ขึ้นเป็นนายพลเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทอ. สถาบันพระปกเกล้าแถลงผลวิจัยแนวทางสร้างความปรองดอง ยันไม่ถูกการเมืองแทรกแซง

กรณีที่ ครม.มีมติย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ระบุเหตุผลการเสนอโยกย้ายว่า นางพนิตา ถูกสอบวินัยจากการใช้งบประมาณผิดประเภท ขณะที่นางพนิตาได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ทบทวนมติโยกย้าย ไม่เช่นนั้นจะยื่นเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)

"ประวัฒน์" ออกหน้าลุยแทนพี่สาว

วันที่ 16 มี.ค. นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ที่ ครม.มีมติโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ให้สัมภาษณ์ว่า นับจากนี้จนถึงวันที่ 20 มี.ค.นางพนิตาจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยให้ตนสัมภาษณ์แทน เนื่องจากรับปากทีมที่ปรึกษากฎหมายของนายกรัฐมนตรีที่กำลังพิจารณาเพื่อนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 20 มี.ค. อีกครั้ง เพราะการประชุม ครม. วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ในวาระจร ครม.คงดูไม่ถี่ถ้วน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ แค่บอก สตง.ชี้ความผิดและสอบวินัยเท่านั้น เป็นข้อมูลด้านเดียว เรียกว่ายัดไส้ก็ว่าได้ แสดงให้เห็นความ ต้องการปลดนางพนิตามาตั้งแต่ต้น ขณะนี้ตนต้อง เดินคู่ขนาน โดยจะเรียกความชอบธรรมกลับคืนมาให้นางพนิตา และต้องดูกระบวนการภายในพรรคเพื่อไทยว่าเป็นความผิดพลาดของนายสันติหรือไม่ หลายฝ่ายในพรรคบอกทำแบบนี้ยอมไม่ได้ ดังนั้นเพื่อศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล หากนางพนิตาผิดก็พร้อมลาออก หากไม่ผิดนายสันติก็ต้องลาออก เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อพรรคเพื่อไทย

ฉะ "สันติ" ปลิ้นปล้อนไม่ใช่ลูกผู้ชาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีกลุ่มรักเพื่อนภายในพรรคเพื่อไทยที่ประกอบด้วย ส.ส.หลายภาคและกลุ่มต่างๆภายในพรรคเตรียมเคลื่อนไหวจะเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลดนายสันติ นายประวัฒน์ตอบว่า ต้องทำแบบนั้น เพราะทำให้พรรคเสียภาพลักษณ์ อยู่ในตำแหน่งต่อไปเป็นอันตราย เป็นแกะดำของพรรค ไม่มีสัจจะ "ทั้งๆที่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐมนตรีว่า นางพนิตาเป็นพี่สาวของผม ทำไขสือ มาโกหก ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ปลิ้นปล้อน ขั้นตอนจากนี้ไปต้องขอความเป็นธรรมให้กับพี่สาวก่อน ต่อไปเป็นเรื่องของพรรค ยิ่งปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งนานยิ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่พรรคได้ อยู่พรรคเดียวกันทำไมไม่พูดกัน อยู่ๆมาปลดเลยไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชาย ยิ่งดูแลกองทุนพัฒนาสตรีที่เป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย มารังแกสตรี ใครจะยอมรับได้"

ตั้งกลุ่มรักเพื่อนเดินเกมเลื่อยเก้าอี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากส.ส.ภายในพรรคทราบว่า นางพนิตาเป็นพี่สาวของนายประวัฒน์ ทำให้มี ส.ส.จำนวนมากให้กำลังใจนายประวัฒน์ที่พยายามทวงความเป็นธรรมให้กับพี่สาว หลายคนระบุว่า การกระทำของนายสันติเป็นการไม่ให้เกียรติกัน จึงได้เริ่มเคลื่อนไหวก่อตั้งเป็นกลุ่มรักเพื่อน ประกอบด้วย ส.ส.ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ที่ช่วยกันส่งสัญญาณไปให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เพื่อปลดนายสันติออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมฯ โดยมีบางคนในกลุ่มรักเพื่อนหารือกันว่าจะเสนอปลดกลางที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเพื่อไทยวันที่ 20 มี.ค.นี้เลย

แฉ "วัลลภ" อยู่ในแก๊งออฟโฟร์

ต่อมาในช่วงเย็น นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงแก๊งออฟโฟร์ในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯว่า แก๊งนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรี   อดีตปลัดกระทรวง   อธิบดี และรองปลัดกระทรวง   โดยเฉพาะอดีตปลัดกระทรวง มีความพยายามจะปลดนางพนิตาออกจากตำแหน่งมานานแล้ว   ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องหันไปตรวจสอบอดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯอย่างไร นายประวัฒน์ตอบว่า มีข้อมูลอยู่แล้ว ต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา โดยนายวัลลพ พลอยทับทิม อดีตปลัด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารมว.การพัฒนาสังคมฯ ไม่ลงรอยกับนางพนิตามานานแล้ว ถือเป็น 1 ในแก๊งออฟโฟร์ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งก่อนที่คนในพรรคเพื่อไทยจะเสนอปลดกลางที่ประชุมใหญ่สามัญ

"สันติ" ไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ

ขณะที่นายสันติ  พร้อมพัฒน์  รมว.การพัฒนาสังคมฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางพนิตาขู่จะยื่นฟ้องกลับว่า  เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ดำเนินการได้  ขอยืนยันว่าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง  ส่วนการตั้งคณะ กรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาจะผิดคนหรือไม่ จะมีการเสนอถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาที่สั่งโยกย้ายนางพนิตาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของคณะการสอบสวนทางวินัยฯที่มีนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน เพราะเป็นเรื่อง ระหว่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กับ นางพนิตาที่จะต้องชี้แจง  อย่างไรก็ตาม  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันแล้วว่าจะให้ความเป็น ธรรมกับทุกฝ่าย

ปัดไม่เคยได้รับหนังสือชี้แจง "พนิตา"

นายสันติกล่าวถึงกรณีที่นางพนิตาอ้างว่าได้ส่งหนังสือชี้แจง สตง.มาถึง 2 ครั้งว่า  ยืนยันว่าไม่ได้รับหนังสือชี้แจง สตง.จากนางพนิตาตามที่กล่าวอ้าง ส่วนการขอขยายเวลาชี้แจง  สตง. 60 วันนั้น  เนื่องจาก สตง.มีหนังสือลงนามมาถึงตนเพื่อขอให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ในเมื่อตนไม่สามารถดำเนินการได้ทันก็จำเป็นต้องขยายเวลา โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้นางพนิตาทราบ  ส่วนความขัดแย้งกับนายประวัฒน์ อุตตะโมต  ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย  น้องชายนางพนิตา ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง เพราะงานใน ระบบราชการต้องว่าไปตามระเบียบของราชการ ผู้สื่อข่าวถามว่า หนังสือ สตง.ระบุให้สอบวินัยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในสมัยนั้นและผู้เกี่ยวข้อง เหตุใดจึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเฉพาะนางพนิตา นายสันติตอบว่า  ในเมื่ออดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเกษียณอายุราชการไปแล้วจะไปสอบวินัยทำไม คนออกไปแล้ว  ที่ตั้งคณะกรรมการสอบนางพนิตาเพราะเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในสมัยนั้น  และเมื่อยังดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ  จึงตั้งคณะกรรมการสอบในฐานะ ผู้เกี่ยวข้อง

"ธงทอง" ยังไม่เห็นคำสั่งสอบวินัย

นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ มีหนังสือแต่งตั้งให้เป็นประธานสอบวินัยนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กรณีปัญหาการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศว่า ยังไม่ได้เห็นหนังสือคำสั่งดังกล่าว กำลังหาอยู่ว่าส่งมาเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะไม่เห็นรายละเอียดของคำสั่ง

สตง.เผยคำชี้แจงใช้งบฯไม่เคลียร์

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ สตง.ทำหนังสือทักท้วงเรื่องการใช้เงินนอกงบประมาณผิดประเภทไปในการศึกษาดูงานต่างประเทศจำนวน 32 ล้านบาท ของปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งในสมัยของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2554 เนื่องจากการชี้แจงในสมัยที่นายอิสสระ สมชัย เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ยังไม่มีความชัดเจน แต่ที่ผ่านมา สตง.ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากนายสันติ มีเพียงหนังสือชี้แจงจากนางพนิตา ลงวันที่ 31 ม.ค.2555 เรื่อง ขอให้ทบทวนและแก้ไขผลการพิจารณากรณีดังกล่าว จากนั้นนางพนิตาทวงถามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว จึงมีหนังสือลับด่วนจาก สตง. ลงวันที่ 14 มี.ค. 2555 ว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา

ชี้ "สันติ" สอบวินัยถูกคนแล้ว

นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องหนังสือ สตง.ระบุให้ดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในสมัยนั้น รวมถึงอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตาม ระเบียบของราชการนั้น การกล่าวหาต้องกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้น แต่ในเมื่อปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในขณะนั้นเกษียณอายุราชการไปแล้ว จึงต้องกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน คือนางพนิตาซึ่งเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในปัจจุบัน ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีตามระเบียบข้าราชการพลเรือน อย่างไร ก็ตาม สตง.มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามนำเงินงบประมาณคืน และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ส่วนการเอาผิดกับผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว สตง. ไม่สามารถเอาผิดได้เหมือน ป.ป.ช. ส่วน จะนำไปเป็นเหตุให้โยกย้ายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของฝ่ายบริหาร สตง.เป็นเพียงการติดตามเรื่องการเบิกจ่ายเงิน