สถาบันพระปกเกล้าแถลงผลวิจัยทางด้านการหาแนวทางสร้างความปรองดอง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถาบันพระปกเกล้า นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า แถลงข่าวผลการวิจัยเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติว่า วันนี้เป็นวันที่ครบ 120 วันที่สถาบันพระปกเกล้าต้องนำเสนอรายงานผลศึกษาการวิจัยเรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติให้กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้รูปเล่มยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังต้องปรับปรุงถ้อยคำ ดังนั้นอาจจะล่าช้า ส่งได้ภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยมีทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่รัฐบาลต้องดำเนินการ ในเรื่องของการค้นหาความจริง การนิรโทษกรรมกระบวน การยุติธรรมให้เป็นไปตามนิติรัฐ และต้องสร้างบรรยากาศความปรองดองในอนาคต กระบวนการที่จะทำให้เกิดความสำเร็จโดยเร็ว จากการศึกษาแนวทางปรองดองจากต่างประเทศ ซึ่งรวบรวมได้ทั้ง 7 ข้อคือ 1.รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่าต้องการสร้างความปรองดอง ซึ่งจะทำให้เห็นถึงตามเจตนารมณ์
2.ต้องสร้างให้สังคมตระหนักว่าเวลานี้เราต้องการสร้างความปรองดอง
3.รัฐบาลมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อบุคคลที่สูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การเยียวยาต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรมทั้งสังคมและความรู้สึก ไม่ใช่ในเรื่องของตัวเงินอย่างเดียว อย่าใช้เสียงข้างมากเป็นคำตอบ นายวุฒิสารกล่าวว่า 4.ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางสังคมที่อยู่ภายนอกจำเป็นต้องยุติความเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่มีหลักของนิติรัฐ เช่นการชุมนุมขับเคลื่อนด้วยวิธีการกดดันโดยใช้เสียงข้างมากที่ผิดกฎหมาย
5.ทุกฝ่ายควรหยุดการกระทำที่หมิ่นเหม่ของสังคม เช่น ในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่เปราะบาง 6.สื่อควรจะทำหน้าที่และบทบาทที่เป็นกลาง ไม่ควรที่จะเป็นตัวเร่งให้สังคมเกิดความขัดแย้ง เพราะขณะนี้มีสื่อจัดตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ทำให้สังคมมองว่าสื่อเลือกข้างไปแล้ว
7.สังคมต้องเลิกเอาผิดรัฐประหารที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการรื้อฟื้นทำให้เกิดความขัดแย้ง
ยันไม่ถูกการเมืองแทรกแซง
นายวุฒิสารกล่าวว่า สำหรับการสร้างความปรองดองที่จะเกิดขึ้นรัฐบาลจะต้องทำอย่างต่อเนื่องตั้งใจ ให้เกิดการยอมรับทุกฝ่ายในสังคม กระบวนการต้องเริ่มต้นหารือกันในชั้นกรรมาธิการฯ โดยเราจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้เสียงข้างมากเป็นคำตอบ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าทีมวิจัยไม่ได้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง หรือตกเป็นเครื่องมือของใคร อย่างไรก็ตามข้อเสนอของทีมวิจัยไม่ใช่ยาสูตรสำเร็จ แต่เป็นข้อเสนอที่มีเหตุและผล งานวิจัยทุกชิ้นไม่มีใครที่เห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ หรือถูกใจทุกฝ่าย ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการฯจะไปดำเนินการอย่างไรต่อไป
"ประวัฒน์" ออกหน้าชนแทนพี่สาว ซัด "สันติ" ยัดไส้ชงเรื่องย้ายเข้า ครม. จวกยับปลิ้นปล้อนไม่ใช่ลูกผู้ชาย เตรียมขยับตั้งกลุ่มรักเพื่อนรวบรวม ส.ส.เดินเกมเขี่ยพ้นเก้าอี้รัฐมนตรี ขณะที่ "สันติ" ไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ มั่นใจเสนอย้าย "พนิตา" ทำถูกต้องตามขั้นตอน ยันไม่เคยได้รับหนังสือชี้แจงการใช้งบฯผิดประเภท รักษาการผู้ว่าการ สตง.ชี้ รมว.การพัฒนาสังคมฯ สั่งสอบวินัยถูกคนแล้ว รมว.กลาโหม เผยส่งโผย้ายทหารกลางปีให้นายกฯแล้ว มีการปรับย้ายประมาณ 120 ตำแหน่ง เผย "ประยุทธ์" ดันเพื่อนร่วมรุ่น 5 คนขึ้นกินอัตราพลเอก "จีระศักดิ์" ขยับขึ้น มทภ.2 "ชาญชัยณรงค์" เป็น มทภ.3 "น้องสุกำพล" ได้ขึ้นเป็นนายพลเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทอ. สถาบันพระปกเกล้าแถลงผลวิจัยแนวทางสร้างความปรองดอง ยันไม่ถูกการเมืองแทรกแซง
กรณีที่ ครม.มีมติย้ายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ระบุเหตุผลการเสนอโยกย้ายว่า นางพนิตา ถูกสอบวินัยจากการใช้งบประมาณผิดประเภท ขณะที่นางพนิตาได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ทบทวนมติโยกย้าย ไม่เช่นนั้นจะยื่นเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)
"ประวัฒน์" ออกหน้าลุยแทนพี่สาว
วันที่ 16 มี.ค. นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ที่ ครม.มีมติโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ให้สัมภาษณ์ว่า นับจากนี้จนถึงวันที่ 20 มี.ค.นางพนิตาจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยให้ตนสัมภาษณ์แทน เนื่องจากรับปากทีมที่ปรึกษากฎหมายของนายกรัฐมนตรีที่กำลังพิจารณาเพื่อนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 20 มี.ค. อีกครั้ง เพราะการประชุม ครม. วันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ในวาระจร ครม.คงดูไม่ถี่ถ้วน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ แค่บอก สตง.ชี้ความผิดและสอบวินัยเท่านั้น เป็นข้อมูลด้านเดียว เรียกว่ายัดไส้ก็ว่าได้ แสดงให้เห็นความ ต้องการปลดนางพนิตามาตั้งแต่ต้น ขณะนี้ตนต้อง เดินคู่ขนาน โดยจะเรียกความชอบธรรมกลับคืนมาให้นางพนิตา และต้องดูกระบวนการภายในพรรคเพื่อไทยว่าเป็นความผิดพลาดของนายสันติหรือไม่ หลายฝ่ายในพรรคบอกทำแบบนี้ยอมไม่ได้ ดังนั้นเพื่อศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล หากนางพนิตาผิดก็พร้อมลาออก หากไม่ผิดนายสันติก็ต้องลาออก เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อพรรคเพื่อไทย
ฉะ "สันติ" ปลิ้นปล้อนไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีกลุ่มรักเพื่อนภายในพรรคเพื่อไทยที่ประกอบด้วย ส.ส.หลายภาคและกลุ่มต่างๆภายในพรรคเตรียมเคลื่อนไหวจะเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลดนายสันติ นายประวัฒน์ตอบว่า ต้องทำแบบนั้น เพราะทำให้พรรคเสียภาพลักษณ์ อยู่ในตำแหน่งต่อไปเป็นอันตราย เป็นแกะดำของพรรค ไม่มีสัจจะ "ทั้งๆที่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นรัฐมนตรีว่า นางพนิตาเป็นพี่สาวของผม ทำไขสือ มาโกหก ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ปลิ้นปล้อน ขั้นตอนจากนี้ไปต้องขอความเป็นธรรมให้กับพี่สาวก่อน ต่อไปเป็นเรื่องของพรรค ยิ่งปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งนานยิ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่พรรคได้ อยู่พรรคเดียวกันทำไมไม่พูดกัน อยู่ๆมาปลดเลยไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชาย ยิ่งดูแลกองทุนพัฒนาสตรีที่เป็นนโยบายของรัฐบาลด้วย มารังแกสตรี ใครจะยอมรับได้"
ตั้งกลุ่มรักเพื่อนเดินเกมเลื่อยเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากส.ส.ภายในพรรคทราบว่า นางพนิตาเป็นพี่สาวของนายประวัฒน์ ทำให้มี ส.ส.จำนวนมากให้กำลังใจนายประวัฒน์ที่พยายามทวงความเป็นธรรมให้กับพี่สาว หลายคนระบุว่า การกระทำของนายสันติเป็นการไม่ให้เกียรติกัน จึงได้เริ่มเคลื่อนไหวก่อตั้งเป็นกลุ่มรักเพื่อน ประกอบด้วย ส.ส.ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ที่ช่วยกันส่งสัญญาณไปให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เพื่อปลดนายสันติออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมฯ โดยมีบางคนในกลุ่มรักเพื่อนหารือกันว่าจะเสนอปลดกลางที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเพื่อไทยวันที่ 20 มี.ค.นี้เลย
แฉ "วัลลภ" อยู่ในแก๊งออฟโฟร์
ต่อมาในช่วงเย็น นายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงแก๊งออฟโฟร์ในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯว่า แก๊งนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวง อธิบดี และรองปลัดกระทรวง โดยเฉพาะอดีตปลัดกระทรวง มีความพยายามจะปลดนางพนิตาออกจากตำแหน่งมานานแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องหันไปตรวจสอบอดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯอย่างไร นายประวัฒน์ตอบว่า มีข้อมูลอยู่แล้ว ต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา โดยนายวัลลพ พลอยทับทิม อดีตปลัด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษารมว.การพัฒนาสังคมฯ ไม่ลงรอยกับนางพนิตามานานแล้ว ถือเป็น 1 ในแก๊งออฟโฟร์ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งก่อนที่คนในพรรคเพื่อไทยจะเสนอปลดกลางที่ประชุมใหญ่สามัญ
"สันติ" ไม่หวั่นโดนฟ้องกลับ
ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางพนิตาขู่จะยื่นฟ้องกลับว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ดำเนินการได้ ขอยืนยันว่าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ส่วนการตั้งคณะ กรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาจะผิดคนหรือไม่ จะมีการเสนอถอนมติ ครม. เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาที่สั่งโยกย้ายนางพนิตาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของคณะการสอบสวนทางวินัยฯที่มีนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน เพราะเป็นเรื่อง ระหว่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กับ นางพนิตาที่จะต้องชี้แจง อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันแล้วว่าจะให้ความเป็น ธรรมกับทุกฝ่าย
ปัดไม่เคยได้รับหนังสือชี้แจง "พนิตา"
นายสันติกล่าวถึงกรณีที่นางพนิตาอ้างว่าได้ส่งหนังสือชี้แจง สตง.มาถึง 2 ครั้งว่า ยืนยันว่าไม่ได้รับหนังสือชี้แจง สตง.จากนางพนิตาตามที่กล่าวอ้าง ส่วนการขอขยายเวลาชี้แจง สตง. 60 วันนั้น เนื่องจาก สตง.มีหนังสือลงนามมาถึงตนเพื่อขอให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ในเมื่อตนไม่สามารถดำเนินการได้ทันก็จำเป็นต้องขยายเวลา โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้นางพนิตาทราบ ส่วนความขัดแย้งกับนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องชายนางพนิตา ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง เพราะงานใน ระบบราชการต้องว่าไปตามระเบียบของราชการ ผู้สื่อข่าวถามว่า หนังสือ สตง.ระบุให้สอบวินัยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในสมัยนั้นและผู้เกี่ยวข้อง เหตุใดจึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเฉพาะนางพนิตา นายสันติตอบว่า ในเมื่ออดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเกษียณอายุราชการไปแล้วจะไปสอบวินัยทำไม คนออกไปแล้ว ที่ตั้งคณะกรรมการสอบนางพนิตาเพราะเป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในสมัยนั้น และเมื่อยังดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงตั้งคณะกรรมการสอบในฐานะ ผู้เกี่ยวข้อง
"ธงทอง" ยังไม่เห็นคำสั่งสอบวินัย
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ มีหนังสือแต่งตั้งให้เป็นประธานสอบวินัยนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กรณีปัญหาการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศว่า ยังไม่ได้เห็นหนังสือคำสั่งดังกล่าว กำลังหาอยู่ว่าส่งมาเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะไม่เห็นรายละเอียดของคำสั่ง
สตง.เผยคำชี้แจงใช้งบฯไม่เคลียร์
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ สตง.ทำหนังสือทักท้วงเรื่องการใช้เงินนอกงบประมาณผิดประเภทไปในการศึกษาดูงานต่างประเทศจำนวน 32 ล้านบาท ของปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งในสมัยของนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2554 เนื่องจากการชี้แจงในสมัยที่นายอิสสระ สมชัย เป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ยังไม่มีความชัดเจน แต่ที่ผ่านมา สตง.ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากนายสันติ มีเพียงหนังสือชี้แจงจากนางพนิตา ลงวันที่ 31 ม.ค.2555 เรื่อง ขอให้ทบทวนและแก้ไขผลการพิจารณากรณีดังกล่าว จากนั้นนางพนิตาทวงถามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว จึงมีหนังสือลับด่วนจาก สตง. ลงวันที่ 14 มี.ค. 2555 ว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา
ชี้ "สันติ" สอบวินัยถูกคนแล้ว
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องหนังสือ สตง.ระบุให้ดำเนินการทางวินัยกับปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในสมัยนั้น รวมถึงอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตาม ระเบียบของราชการนั้น การกล่าวหาต้องกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้น แต่ในเมื่อปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในขณะนั้นเกษียณอายุราชการไปแล้ว จึงต้องกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งสูงสุดในปัจจุบัน คือนางพนิตาซึ่งเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯในปัจจุบัน ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนางพนิตาถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีตามระเบียบข้าราชการพลเรือน อย่างไร ก็ตาม สตง.มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามนำเงินงบประมาณคืน และดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ส่วนการเอาผิดกับผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว สตง. ไม่สามารถเอาผิดได้เหมือน ป.ป.ช. ส่วน จะนำไปเป็นเหตุให้โยกย้ายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของฝ่ายบริหาร สตง.เป็นเพียงการติดตามเรื่องการเบิกจ่ายเงิน